วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันแม่แห่งชาติ


วันแม่แห่งชาติ 2555 กลอนวันแม่ เรียงความเรื่องแม่
 



 วันแม่แห่งชาติ 2555 กลอนวันแม่
ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันแม่แห่งชาติ
 
วันแม่แห่งชาติ 2555
 
12 สิงหาของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติไทย

ความหมายของคำว่า "แม่"
 
คำว่า “แม่” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ไว้ดังนี้
 
     แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
     ในทางพระพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ซึ่งหมายถึง หญิงที่มีครอบครัว
ไว้หลายนัย เช่น
 
     1. แม่ บางทีเรียกว่า มารดา มารดร หมายถึง เป็นใหญ่ เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง เป็นต้น 
อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ภายในกิจการนั้นๆ ในที่นี้มาใช้กับผู้ให้กำเนิดแก่ลูกและหาตัวแทนไม่ได้
        - หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก และหาตัวแทนไม่ได้
        - คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
        - คนที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นนาย โดยไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง  เช่น แม่ทัพ แม่กอง ฯลฯ
     รวมความแล้ว "แม่" คือ ผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน   โดยการรับผิดชอบนั้นมีขอบเขต
ภายในบ้านเรือน
 
     2. ชนนี หมายถึง ผู้ให้กำเนิดลูก, เป็นที่บังเกิดเกล้าของลูก
 
     3. ภรรยา หรือภริยา หมายถึง
        - เมีย หรือ หญิงผู้เป็นคู่ครองของชาย
        - ผู้เลี้ยง หรือผู้ดูแลสมาชิกของครอบครัว
 
วันแม่แห่งชาติ รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก
 
พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบมิอาจเปรียบแม้ภูผาชลาสินธุ์
น้ำนมที่กลั่นให้ลูกได้ดื่มกินลูกถวิลถึงคุณค่าว่าอนันต์
 

ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
 
     วันแม่แห่งชาติ งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร 
โดยกระทรวงสาธารณสุขแต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป
เมื่อวิกฤติสงครามสงบลงหลายหน่วยงานได้พยายามให้มีงานวันแม่ขึ้นมาอีกแต่ก็ไม่ประสบผล
สำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง 
คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา 
เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไปส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงาน
วันแม่ขาดผู้สนับสนุน
 
        ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง 
ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้นจนกระทั่ง
ในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย 
ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน 
โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 
วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ 
ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 
ทำไมจึงใช้ดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำวันแม่
 
     การที่ใช้ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์วันแม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ 
มีกลิ่นหอมที่หอมไปไกลและหอมได้นาน ผลิดอกได้ทั้งปี อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็น
เครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้ด้วยซึ่ง   คุณสมบัติเหล่านี้เปรียบได้กับความรัก
อันบริสุทธิ์ลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูก เป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
และไม่มีพิษมีภัย มีแต่ความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ
 
วันแม่แห่งชาติ ใช้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์
 
ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่
 
ดอกมะลิดอกไม้ประจำวันแม่
 
ชื่อ :
มะลิ มะลิลา มะลิหลวง มะลิซ้อน
ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อพฤกษศาสตร์ :
Jusminum adenophyllum.
วงศ์ :
OLEACEAE
ลักษณะทั่วไป :
เป็น พรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ ไปตามก้านต้นลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ :
เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำ หรือตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา :
มะลินอกจากจะมีกลิ่นหอมไว้ดมแล้ว มะลิดอกแห้งใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี

 
ดอกมะลิสัญลักษณ์ประจำวันแม่
 
มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก กรุ่นกลิ่น “รัก” บริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ เป็นมาลัย “กราบแม่” พร้อมน้อมบูชา
 
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน 
เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง  
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย
 *คำประพันธ์บทดอกสร้อยชื่อ แม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา
 

วันแม่แห่งชาติ 2555 แม่นี่มีบุญคุณอันใหญ่หลวง  

       พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอย่างที่สุดของลูก นับตั้งแต่เป็นต้นแบบที่ดีของลูก คือเป็นผู้ให้รูปร่าง
มนุษย์ที่เหมาะสมในการสร้างความดีทุกรูปแบบ ดังนั้นแม้พ่อแม่จะไม่เลี้ยงดูบุตร ก็ได้ชื่อว่า
มีพระคุณอยู่แล้ว และถ้าท่านเลี้ยงดู ทำหน้าที่ของพ่อแม่ดีที่สุดอย่างสมบูรณ์แบบ พระคุณ
ของท่านก็จะยิ่งมากมายสุดจะนับจะประมาณได้
 
       พ่อแม่เป็นผู้ให้อภัยแก่ลูกอยู่เสมอ ไม่ผูกโกรธ แม้จะดุด่าว่ากล่าวหรือเฆี่ยนตีลูกบ้าง 
ก็เป็นเพราะความรัก ความห่วงใย ต้องการสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี ทุกครั้งที่ไม้เรียวกระทบเนื้อลูก 
เชื่อเถอะว่ามันเหมือนมีมีดกรีดลงบนหัวใจของพ่อแม่ด้วย ในโลกนี้ไม่มีใครที่รักลูกเป็นมิตรแท้
ต่อลูกเหมือนพ่อแม่ เพราะท่านคิดแต่จะให้เพียงอย่างเดียว ลูกๆ ไม่ต้องหวาดระแวงเลยว่าพ่อแม่
จะทรยศหักหลังเหมือนคนอื่น

       พระคุณของพ่อแม่มีมากมายเกินกว่าจะตอบแทนได้หมด ลูกที่ดีต้องสำนึกในพระคุณ
ของพ่อแม่ให้เปี่ยมล้นในใจอยู่เสมอ ปฏิบัติต่อท่านให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ท่านเป็นพระในบ้าน 
หน้าที่ของลูกที่ควรปฏิบัติต่อพ่อแม่ กล่าวโดยย่อ คือ
 
        1. คอยดูแลท่านให้ดี ตั้งแต่เรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยามเจ็บป่วย
ก็ช่วยพยาบาลรักษาให้ดีที่สุด ทำให้สม่ำเสมอตราบจนวาระสุดท้ายของท่าน
 
        2. ประพฤติตนเป็นคนดี สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูล ให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ
 
        3. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับการที่จะเป็นผู้รับมรดก
 
        4. ทำกิจการงานแทนท่านไม่ให้บกพร่อง
 
        5. ชักชวนหรืออำนวยความสะดวก สนับสนุนให้ท่านได้มีโอกาสทำทาน รักษาศีล 
และเจริญภาวนา จะได้เป็นบุญติดตัวท่านไปในภพเบื้องหน้า เป็นการถากถางหนทางไปสู่
พระนิพพานของท่านเอง หน้าที่นี้เป็นหน้าที่สำคัญที่สุดที่ลูกทุกคนต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่
 
        แม้ที่สุดเมื่อท่านละโลกไปแล้วก็ต้องทำบุญ กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน
อย่างสม่ำเสมอ อีกประการหนึ่งด้วย 
 

วันแม่แห่งชาติ เพลงที่ใช้ในวันเเม่

 
     ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดยไพบูลย์ บุตรขัน 
ขับร้องบันทึกเสียงครั้งแรกโดย ชาญ เย็นแข เมื่อ พ.ศ. 2492 ซึ่งได้ฟังเมื่อไร เป็นต้องหวนระลึก
ถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่าๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน
 
เนื้อเพลง ค่าน้ำนม 
 
     แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ 
กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล
 
     แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดแต่รักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่
 นี่แหละหนาอะไรมิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม
 
     ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋าลูกคิดถึงค่าน้ำนม 
เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
 
     ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน 
บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย
 
 
กราบเท้ามารดาบิ คือการเปิดประตูสวรรค์แก่ลูกน้อย
 
หนึ่งคำ “รัก” ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
แต่แม่จ๋า… “รักที่หนึ่ง” ของหัวใจ มิใช่ใคร “ลูก รัก แม่” แน่นิรันดร์
 


กลอนเพราะๆ ซึ้งๆ ที่ใช้ในในวันแม่

 
กลอนวันแม่ จากใจลูก
 
มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก
กรุ่นกลิ่น รัก บริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ
เป็นมาลัย กราบแม่ พร้อมน้อมบูชา
 
กี่พระคุณจากใครอื่นนับหมื่นแสน
อาจทนแทนเปรยเปรียบเทียบคุณค่า
แต่พระคุณ หนึ่งหยดน้ำนมมารดา
ทั้งสามภพจบหล้า...หาเทียมทัน
 
ลูกไม่อาจเอ่ยแสดงแถลงถ้อย
หรือเรียงร้อยพจนามาเสกสรรค์
เพื่อบรรยายพระคุณนี้ที่ อนันต์
จึงตั้งมั่น กตัญญุตา ตลอดไป
 
หนึ่งคำ รัก ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย
ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
แต่แม่จ๋า... รักที่หนึ่ง ของหัวใจ
มิใช่ใคร ลูก รัก แม่ แน่นิรันดร์
 
*ประพันธ์โดย สัจจาภรณ์ ไวจรรยา
 

กลอนวันแม่ 
 
รักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไห้  หาสิ่งใดมาเทียบมิได้หนา
ตั้งแต่แม่ตั้งท้องคลอดลูกยา   อีกน้ำนมของมารดาให้ลูกกิน
แม่ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกน้อย  แม่เฝ้าคอยพัดวีให้ลูกสิ้น
แม่ยอมอดเมื่อให้ลูกนั้นได้กิน  แม่ยลยินลูกน้อยดั่งกลอยใจ
 
 
ยามที่แม่สั่งสอนพร่ำวอนลูก   เรื่องผิดถูกลูกก็ว่าแม่จู้จี้
ต่อเมื่อลูกเติบใหญ่จึงได้ดี   เพราะคำที่แม่พูดไว้ไม่ผิดคำ
เมื่อยังเด็กลูกไม่เห็นคุณค่าแม่   เป็นบาปแท้ที่ลูกเถียงแม่เช้าค่ำ
ลูกกระทำความผิดนี้ประจำ   ขอกล่าวคำขอโทษโปรดอภัย
 
 
ยามที่ลูกประสบกับความทุกข์   หันไปที่ใดไม่มีคนเข้าใจ
แต่ก็ยังมีไอแห่งความอบอุ่น   จากบุคคลคนหนึ่งเสมอมา
บุคคลท่านนั้นก็คือแม่   แม่ผู้เข้าใจในตัวลูก
ทำให้ลูกคนนี้มีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป   ในโลก
 
 
เมื่อรู้ว่าตัวเธอนั้นตั้งท้อง   เฝ้าประคองด้วยใจที่มุ่งหวัง
สิ่งที่ชอบเผ็ดร้อนเธอระวัง   เพื่อปกกันลูกน้อยจะกระเทือน
...แม้ไม่รู้ว่าจะชายหรือหญิง   เธอประวิงเฝ้านับครบวันเคลื่อน
แม้จะเจ็บจะกลัวตัดทั้งปวง   เธอปลื้มทรวง   เสียงแว้   แรกเริ่มดัง
 
 
เริ่มตั้งไข่...ใจพองประคองลูก....ความพันผูกแนบแน่นสุดขานไข
เริ่มหัดเดินหัดพูดแม่สุขใจ...ก้าวแรกได้ให้ลูก..ด้วยผูกพัน
...แม่เป็นครูคนแรกของชีวิต....ชี้ถูกผิดให้ลูกรู้ด้วยความฝัน
เติบโตใหญ่รวยจนไม่สำคัญ....ขอลูกฉันเป็นคนดีของสังคม
 
 
มาวันนี้แม่เริ่มแก่..ชะแรล้า แม่มองหาลูกทุกคน...อยู่ที่ไหน
จากอกแม่..ลืมแม่ไม่หวงใย.....ถึงเศร้าใจ...แต่แม่ไม่โกรธเคือง
...ถ้าใครยังมีแม่ขอเชิญเถิด.....กราบเท้าเทิดบาทแม่ประเสริฐเหลือ
กตัญญูรู้คุณบุญคุ้มตัว....แม้สิ่งชั่วต้องแพ้พ่าย...กตเว..ทิตาคุณ
 
 
รักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไหน…......…หาสิ่งใดมาเทียบมิได้หนา
ตั้งแต่แม่ตั้งท้องคลอดลูกยา................อีกน้ำนมของมารดาให้ลูกกิน
แม่ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกน้อย........แม่เฝ้าคอยพัดวีให้ลูกสิ้น
แม่ยอมอดเมื่อให้ลูกนั้นได้กิน…….........แม่ยลยินลูกน้อยดั่งกลอยใจ
 
นี่แหละหนาคือรักแท้ของแม่เอย
 
แม่จ๋า…ล้านความรักจากใครเขา หลอมรวมเข้าอาจแกร่งยิ่งดั่งสิงขร
แต่… “รัก” หญิงที่ขนานนาม “มารดร” แกร่งแน่นอน..กว่าสิ่งใดในโลกา
 
อันคุณแม่นั้นรัก.......ในบุตร
ช่างโปร่งใสบริสุทธิ์.....ทราบได้
มหาสมุทรลึกสุด.......นั้นหยั่ง ได้นา
แต่รักของแม่ไซร้.......ลึกล้ำสุดหยั่งถึง
 
คุณแม่เคยพูดไว้............นานวัน
การคบเพื่อนสนิทกัน.....เลือกได้
คบเพื่อนดีจะสุขสันต์.........พบสุข จริงแฮ
คบเพื่อนชั่วแม่เตือนไว้....หลีกลี้ให้ไกล
 
 
เหนือโลกหล้าหาใครเท่าแม่เรานี้
เหนือปฐพีที่ฉันพึงอาศัย
มหาสมุทรสุดแสน ณ แดนไตร
แม่ยิ่งใหญ่เหนือฟ้าพนาลี
แม้นอัปสรสวรรค์งามสุดแสน
แต่ก็แม้นน้อยกว่าแม่ฉันนี้
หรือทว่าป่ากว้างให้อากาศดี
แต่แม่นี้ให้ชีวีและเมตตา
ลูกดีได้แม่ดีใจกว่าทุกสิ่ง
ลูกเลวยิ่งแม่ไม่สุขทุกอุรา
ดีเหมือนแม่สักครึ่งหนึ่งพึงใจหนา
ลูกสัญญาเป็นคนดีมีวินัย
 
รักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินพรรณนา
 
แม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ แม่…เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง 
แม่…สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทองเกินยกย่องด้วยล้านคำ…พร่ำพรรณนา
 
โอ้ร่มไทรใบหนาว่าสดชื่น
แสนร่มรื่นเย็นใจให้ร้อนหาย
มีเถาวัลย์พันคู่อยู่มากมาย
เราเย็นกายเย็นใจไต้ร่มมัน
 
ร่มแม่เย็นกว่าร่มไทรในขั้นต้น
ท่านบรรดลทุกอย่างและสร้างสรรค์
ลูกป่วยกายแม่ป่วยใจไปตามกัน
แสนสุขสรรค์แม่นั้นช่วยบรรเทา
 
แม่ที่หนึ่งเมตตามากำเนิด
แม่สองเลิศล้ำวิชามาประสาน
น้ำใดใดใต้ฟ้าสุธาธาร
ไม่เปรียบปานน้ำใจแม่แน่นอนเอย
 
หทัยของแม่ ดีแท้ยิ่งนัก
พวกเราจึงรัก ภักดีต่อแม่
มะลิสีขาว แพรวพราวจริงแท้
ขอมอบให้แด่ คุณแม่คนดี
 
จะกล่าวถึงพระคุณของแม่นี้ แม่ที่มีความรักอันยิ่งใหญ่
อยากให้ลูกนั้นรู้ถึงความใน ดวงหทัยของแม่มีแต่เรา
ลูกทั้งหลายจงฟังคำสั่งสอน ให้ว่านอนสอนง่ายไม่อายเขา
ถึงเป็นลูกคนจนเหมือนอย่างเรา จงคิดเอาให้ได้เถิดประเสริฐเอง
แม่จ๋าฟังลูกก่อนจะได้ไหม ลูกเสียใจที่ทำแม่ผิดหวัง
ต่อไปจะตั้งใจให้จริงจัง ลืมความหลังเจ็บช้ำตรำหัวใจ
จากนี้ไปจะฟังแต่คำแม่ ที่เที่ยงแท้แน่จริงกว่างสิ่งไหน
จะเป็นลูกที่ดีจะมีชัย สัญญาไว้กับแม่แน่แท้เอย
 
“  พระคุณแม่ เลิศฟ้า มหาสมุทร พระคุณแม่ สูงสุด มหาศาล 
พระคุณแม่ เลิศกว่า สุธาธาร ใครจะปาน แม่ฉัน นั้นไม่มี “
 

พระคุณแม่

  
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า  ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน
ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่า
นั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง 100 ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทน
พระคุณท่านไม่หมด
 
     ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ   ยอดเขาพระสุเมรุแทนปากกาน้ำ
ในมหาสมุทรแทนหมึก เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่  จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร 
ภูเขาสึกกร่อนจนหมด น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด
 
พระคุณพ่อแม่ยิ่งใหญนัก
 
มารดาเป็นผู้ให้เราตั้งแต่เกิดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
 
บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร สรุปโดยย่อคือ
 
     1. เป็นต้นฉบับทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลายในโลกมีค่าสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่นก้อนดินเหนียวธรรมดา  ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา 
ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมาเป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้ 
หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีกเช่นแบบเป็นพระพุทธรูปก็จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียว
ก้อนนี้ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียว 
ก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแบบที่พิมพ์นั่นเอง ในทำนองเดียวกัน การเกิดของสัตว์ เช่นเป็น ช้าง ม้า
 วัว ควาย ฯลฯ แม้จะมีปัญญาติดตัวมามากสักปานใดก็ไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ 
โชคดีที่เราได้แบบเป็นคน ซึ่งเป็นโครงร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เหมาะในกา
ทำความดีทุกประการ พระคุณของพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา 
ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้วยิ่งท่านอบรม เลี้ยงดูเรามาเป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย 
ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์
 
     2.  เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอน 
ปลูกฝังกิริยามารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
 
การตอบแทนคุณท่าน แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
 
     1.  เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่านเลี้ยงดูท่านตอนเมื่อยามท่านชรา
 ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย
 
     2.  เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ 
แม้เราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว  ก็ยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณ
อันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา
 
*“เพราะการปรนนิบัติในมารดาบิดานั้นแล บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขา
ในโลกนี้นี่เอง เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์”
*ขุ. ชา.สตฺตติ ๒๘/๑๖๒/๖๗
 
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
 
     1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
     2. ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน  ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน
     3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
     4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่
 
 

พิเศษสุดๆบอกรักแม่ผ่านเสียงเพลง 
 
 
วันแม่มาถึงอีกแล้วนะ 
รู้ตั้งนานแล้วล่ะ ว่าแม่รักเรา 
แล้วแม่จะรู้มั้ยนะว่าเราก็รักแม่เหมือนกัน 
เพียงแต่เราไม่เคยบอกตรงๆ เท่านั้นเอง เราเขินอ่ะ 

เทศกาลวันแม่เป็นวันที่ฉลองกันได้ทั้งโลก
เพราะว่าบางคนเป็นแม่ ส่วนที่เหลือก็มีแม่

แล้วไปสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นที่บ้านเรากัน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น